ซามูไร พเนจรหนังสือการ์ตูนสู่โลกภาพยนตร์

ซามูไร

ซามูไร เป็นชื่อของนักรบบนหลังม้าที่มีความแอ็คชั่นผจญภัยประเภทหนึ่ง ซึ่งเทียบเท่ากับ “อัศวิน” ขงทางทวีปยุโรป ยังไม่มีบันทึกที่ค้นพบแน่นอนว่านักรบ ซามูไร นั้น กำเนิดเกิดขึ้นมาครั้งแรกในยุคสมัยใด แต่ที่แน่ ๆ เริ่มมีบันทึกว่าได้มีนักรบซามูไรมาตั้งแต่ช่วงที่จักรพรรดิคัมมุแห่งญี่ปุ่นเริ่มเสื่อมอำนาจการปกครอง

และขุนนางในสมัยนั้นก็มีการนำคนมาฝึกการใช้อาวุธเป็นพลพรรคของตนเองเรียกกันว่าซามูไรและซามูไรก็มีบทบาทอย่างสูง มาจนมีการยกเลิกระบบเดิม ๆ โดยการมาถึงของตะวันตกที่เข้ามาบีบให้ญี่ปุ่นต้องเปิดประเทศ พร้อมกับพัฒนาระบบทหารใหม่ที่ใช้อาวุธแบบตะวันตกซึ่งผู้อ่านอาจเคยได้ชมเรื่องราวดังกล่าวมาในเรื่อง The Last Samurai (2003) อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้เราจะนำเสนอเรื่องราวซามูไรอีกเรื่องหนึ่งซึ่งปรากฏเป็นการ์ตูนยอดนิยม นั้นคือ ซามูไรพเนจร

ซามูไร

หนังสือการ์ตูนเรื่องซามูไรพเนจร (Rurouni Kenshin)เป็นผลงานการเขียนของ โนบุฮิโระ วาสึกิ ต้นฉบับเดิมตีพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537-2542 จำนวน  28 เล่ม โดยเนื้อเรื่องจะจับเอาช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างยุคซามูไรกับยุคของปืนใฟสมัยใหม่ขึ้น “มือพิฆาตบัตโตไซ” อดีตซามูไรมือสังหารของคณะปฏิวัติ เมื่อจบศึกสงครามลงเขาก็ได้อำลาวงการไป

เหลือเพียงซามูไรพเนจรหนุ่มที่ชื่อ “ฮิมุระ เคนชิน” ผู้ใช้ดาบสลับคม ซึ่งแม้จะฟันโดนคนไปก็ไม่ตายเพราะเขาสาบานไว้ว่าจะไม่ฆ่าผู้ใดอีกต่อไป ได้เดินทางพเนจรไปเรื่อย ๆ จนมาพบกับ คามิยะ คาโอรุ ลูกสาวของสำนักคามิยะคัตชินริว ที่ต้องทุ่มเทตนเองคนเดียวในการปกป้องสำเนาเอาไว้ และในที่สุดซามูไรเคนชินก็ได้เข้าไปอยู่ในสำนักแห่งนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากแต่เมื่อสำนักดาบแห่งนี้รวมทั้งชาวเมืองกำลังอยู่ในอันตรายจากโจรร้ายที่ก่อเรื่องกวนเมือง เขาจึงต้องใช้ดาบซามูไรที่มีออกปกป้องเมืองและผู้คนที่เขารักเอาไว้

ซามูไร

โดยซามูไรพเนจรได้รับความนิยมจากคนอ่านจนมีการนำไปทำเป็นการ์ตูนโทรทัศน์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537-พ.ศ.2541 อีกทั้งความดังยังทำให้ได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดงจริงในชื่อ Rurouni Kenshin เคนชิน ซามูไร เอ็กซ์ ในปี พ.ศ. 2555 (2012) นำแสดงโดย ซะโต ทะเกะรุ และทะเกะอิ เอะมิ

ซึ่งได้รับความนิยมจากคนชมภาพยนตร์ทั้งในประเทศญี่ปุ่น และต่างประเทศจนมีการทำภาพยนตร์ภาคที่ 2 Rurouni Kenshin 2: Kyoto Inferno (2014) ในชื่อไทยที่มีชื่อตอนว่า Rurouni Kenshin 3: The Legend Ends ได้รับความสำเร็จอย่างมาก เพราะนอกจากผลงานการแสดงของตัวละครแต่ละตัวแล้ว ยังเก็บรายละเอียดสิ่งที่คนอ่านการ์ตูนมาก่อนอยากเห็น และไม่ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องหลักไปจนเสียแบบที่เคยเกิดขึ้นกับภาพยนตร์ที่ทางตะวันตกนำการ์ตูนไปสร้างนั้นเอง