นับว่าเป็นการ์ตูนอีกตอนที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับทอมกับเจอร์รี่ในตอนที่ชื่อว่าไลฟ์วิธทอมหรือการใช้ชีวิตกับทอมของเจ้าหนูบ้านตัวแสบ ซึ่งเรื่องราวได้เกิดขึ้นหลังจากที่เจอร์รี่นั้นได้ทำหนังสือรวมเรื่องราวที่เคยเกิดระหว่างเขากับเจ้าแมวตัวแสบในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยทางทอมที่บังเอิญมารู้เรื่องนี้ทีหลังจึงเอา หนังสือของเจอร์รี่ มาอ่านจนเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากเขามักจะเป็นผู้แพ้มาตลอดนั่นเอง                ในตอนต้นเรื่องของชื่อชีวิตกับทอมนั้น ทางบุรุษไปรษณีย์ก็ออกมาส่งพัสดุพร้อมกับทอมที่เข้ามาดูก่อน แต่กลับเจอแต่ของเจอร์รี่ ก่อนที่เจ้าหนูจะเดินถือซองจดหมายเข้าไป ส่วนทางเจ้าแมวก็บังเอิญได้ยินพิธีกรในรายการวิทยุที่พูดถึง หนังสือของเจอร์รี่ จนกระทั่งได้อ่านเรื่องราวที่ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาไปตกปลากัน ซึ่งเป็นตอนที่ทอมจับเจอร์รี่ไปเป็นเหยื่อแต่กลับโดนเอาคืนจนเสียท่าไป ในรายการวิทยุที่พูดถึง หนังสือของเจอร์รี่ จนกระทั่งได้อ่านเรื่องราว                เหตุการณ์ต่อมาของเรื่องชีวิตกับทอมนั้นก็เป็นตอนที่ทางนิบเบิลส์ได้มาเยี่ยมเจอร์รี่ในวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งทางทอมพยายามเล่นงานหนูน้อย แต่ก็โดนจัดการด้วยการยิงฝาแชมเปญและการปาพายใส่ รวมถึงการยิงขวดแชมเปญใส่จนทำให้เจ้าแมวโดนอัดและยกธงขาวแพ้ไป ซึ่งเรื่องราวน่าอับอายนี้เองทำให้ทั้งเหล่าแมวเพื่อนฝูงและเจ้าหมาในบ้านอย่างสไปค์กับไทค์ก็ได้แต่หัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น […]

ว่ากันว่าการที่ป็อปอายมีอาชีพเป็นกะลาสีนั้นคงจะคุ้นเคยกับการเดินเรืออยู่แล้ว แต่ทว่ามีตอนหนึ่งนั้นเขาและโอลีฟจะต้องบังเอิญไปเจอกับเรือผีสิงจากตอนที่ชื่อว่า สปู๊กกี้สวาบส์ ในขณะที่พวกเขาพยายามเอาตัวรอดจากการล่องแพกลางทะเล แม้ว่าการเอาตัวรอดครั้งนี้ของพวกเขาจะทำให้ทั้งพระเอกกับนางเอกจะต้องเจอกับเหล่าทูตผีที่พวกเขาจะต้องเอาชนะเพื่อเดินเรือไปยังฝั่งให้ได้                เรื่องราวของเรือผีสิงกับป็อปอายตอน สปู๊กกี้สวาบส์ ก็เริ่มขึ้นจากทางกะลาสีเรือคนเก่งที่มองไปเห็นเรือลำใหญ่ที่แล่นอยู่บนทะเล ขณะที่เขากับโอลีฟกำลังต้องการความช่วยเหลือ หลังจากติดอยู่บนแพนั่นเอง เมื่อทางป็อปอายว่ายน้ำพาแพไปถึงตัวเรือลำใหญ่แล้วนั้น สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สังเกตก็คือตัวเรือนี้ออกเดินทางมาตั้งแต่ปี 1678 หรือเกินกว่าสองร้อยปีในขณะนั้นแล้วนั่นเอง ปู๊กกี้สวาบส์ ในขณะที่พวกเขาพยายามเอาตัวรอดจากการล่องแพ                เมื่อทาง ป็อปอาย กับโอลีฟได้ออกสำรวจแล้วพบว่าเรือลำนี้ไม่มีใครอยู่เลย จนกระทั่งเหล่าวิญญาณในเรือผีสิงได้ตื่นขึ้นมาเจอกับพวกเขา ก่อนที่เหล่าผีจะตัดสินใจหลอกมนุษย์ทั้งสองให้หนีไปจากเรือของพวกเขา ซึ่งสิ่งแรกที่เจ้าผีทำก็คือการโดนสมอเรือลงทะเลที่โอลีฟนอนทับอยู่จนกระเด็นไปกระแทกกับป็อปอายและทำให้ทางตัวบังคับหางเสือพังไปติดตัวกับนางเอกร่างบางเลยทีเดียว                […]

อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับการ์ตูนที่มีบักส์บันนี่ร่วมแสดงอยู่ แต่เขากลับกลายเป็นผู้แพ้พ่ายในระหว่างเรื่อง อย่างในตอนที่ชื่อฟอลลิ่งแฮร์นั้น ก็เป็นทางกระต่ายตัวแสบที่บังเอิญไปอยู่ในฐานทัพของทหารอากาศที่เต็มไปตัวเครื่องบินมากมาย จนกระทั่งเขาไปเจอกับตัว เกรมลิน ที่กำลังมาก่อกวนและจับเขาขึ้นไปบนอากาศจนทางกระต่ายแทบจะเอาชีวิตไม่รอดจากคูปรับตัวจิ๋วนี้                ในตอนที่ชื่อว่าฟอลลิ่งแฮร์นั้นก็เริ่มต้นจากทางบักส์บันนี่ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใต้เครื่องบินลำหนึ่งเกี่ยวกับการก่อกวนของ เกรมลิน จนทำให้ตัวเครื่องยนต์ขัดข้องและไม่สามารถบินออกไปยังน่านฟ้าได้ ซึ่งทางบักส์ไม่เชื่อพร้อมกับหัวเราะเยาะ จนกระทั่งได้เจอคู่ปรับกับตัวเอง โดยทางปีศาจตัวจิ๋วนี้ก็ทำการตอกลูกระเบิดที่อยู่ใกล้ๆ กับตัวเครื่องจนทางกระต่ายเกือบหลงกลและทำการระเบิดเสียเอง เกรมลิน จนทำให้ตัวเครื่องยนต์ขัดข้องและไม่สามารถบินได้                เมื่อบักส์บันนี่รู้ตัวแล้วนั้น ทางเกรมลินก็ได้หลอกเขาจนเข้าไปยังตัวเครื่องบินพร้อมกับทำการขึ้นเครื่องทันที หลังจากที่ทั้งสองอยู่กลางอากาศแล้วนั้น บักส์ก็ถูกหลอกจนเกือบจะตกออกไปข้างนอกเครื่องแม้ว่าเขาจะกลับตัวได้ทันก็ตาม ก่อนที่เจ้ากระต่ายจะโดนแกล้งซ้ำด้วยการเปิดทางออกของระเบิดจนตัวห้อยอยู่ใต้เครื่อง พร้อมกับต้องรีบมาทำการบังคับเครื่องบินเองเพื่อไม่ให้ตกลงไปอีกด้วย                […]

เป็นเรื่องที่ชินตาก็ว่าได้สำหรับการ์ตูนเรื่องทอมกับเจอร์รี่ที่สองตัวเอกนั้น มักจะบังเอิญมาพบกับตัวละครอื่นๆ มากมายที่พวกเขาไม่ตัวใดตัวหนึ่งที่จะต้องมาดูแลแทน ทั้งลูกเป็ด ลูกหนูหรือจะเป็น ลูกนกเขา ก็ตาม ซึ่งในตอนที่ชื่อว่าแฮทช์อัพยัวร์ทรอบเบิลส์นั้น เป็นทางเจอร์รี่ที่จะต้องมารับบทบาทในฐานะคุณแม่จำเป็น หลังจากที่มีลูกนกบังเอิญหลงมาอยู่ในบ้านของเขานั่นเอง                ในตอนต้นของเรื่องแฮทช์อัพยัวร์ทรอบเบิลส์นั้น ทางแม่นกที่กำลังฟัก ลูกนกเขา ในรังเธอนั้นก็บังเอิญทำไข่หล่นลงมาและไหลเข้าไปยังบ้านของเจอร์รี่เลยทีเดียว จนทางเจ้าหนูตกใจที่มีอยู่ใต้ที่นอนของเขา ก่อนที่ลูกนกจะฟักออกมาพร้อมกับคิดว่าเจ้าหนูเป็นแม่ทันที นอกจากนี้ตามสัญชาตญานยังทำให้เจ้านกนี้ไล่เจาะไม้ในบ้านของเขาจนเป็นรู จนกระทั่งเจอร์รี่ต้องเอาบิสกิตมาให้กินแทน ลูกนกเขา ไปคืนที่รังแม้ว่าเจ้านกน้อยจะเดินตามกลับมาด้วยความไร้เดียงสา                หลังจากที่เจอร์รี่เห็นท่าไม่ดีแล้วนั้น เขาจึงเลือกที่จะเอาลูกนกเขาไปคืนที่รัง แม้ว่าเจ้านกน้อยจะเดินตามกลับมาด้วยความไร้เดียงสา […]

หากพูดถึงวัฒนธรรมหนึ่งของคนอเมริกันคงหนีไม่พ้น เรื่องน่ากลัวลึกลับหรือ ศุกร์สิบสาม นั่นเอง ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นวันปล่อยผีออกมา ซึ่งทางการ์ตูนเรื่องป็อปอายก็ไม่พลาดเอาธรรมเนียมนี้มาใช้อีกเช่นกันในตอนที่ชื่อว่าไอดอนท์สแกร์หรือฉันไม่กลัว ที่ทางกะลาสีทั้งสองนั้นพยายามจะชวนโอลีฟไปเดทกัน ก่อนที่จะมีการแกล้งกันเรื่องความกลัวจนทำให้ทางนางเอกไม่ต้องออกไปไหนเลยนั่นเอง                ในตอนเริ่มต้นของวัน ศุกร์สิบสาม หรือตอนฉันไม่กลัวนั้น ทางบลูโตพยายามจะแย่งโทรศัพท์กับป็อปอายเพื่อที่จะชวนโอลีฟไปเดท ก่อนที่ทางพระเอกจะชวนสำเร็จและไปหาเธอถึงบ้าน จนกระทั่งทางนางเอกจะพูดถึงเรื่องโชคลางจากการเจอกับเข็มบนพื้นจนทางบลูโตได้ความคิดร้ายกาจออกมา จึงเลือกไปแอบเปลี่ยนปฏิทินให้กลายเป็นวันศุกร์จนทำให้โอลีฟไม่ต้องการออกนอกบ้านเลยทีเดียว ศุกร์สิบสาม และอาถรรพ์ของการ์ตูนเรื่องป็อปอายดูจะไม่เป็นที่พอใจของโอลีฟ                ด้วยความไม่เชื่อของป็อปอายนั่นเอง เลยพยายามแสดงให้โอลีฟดูว่าวันศุกร์สิบสามไม่ได้มีอาถรรพ์อะไรเลย ทั้งการกางร่มในบ้านเพื่อพิสูจน์หรือลางร้าย แต่ทว่าทางบลูโตกลับแอบเอาร่มเธอไปเสียบกับท่อไฟฟ้าจนไฟดูดขณะที่ที่เธอไม่ได้สังเกต จนตัวนางเอกกระเด็นเข้าไปยังเปียโนที่วางอยู่มุมห้อง ก่อนที่จะต่อว่าป็อปอายที่เป็นคนยุเธอ […]

เป็นอีกตอนที่แหวกแนวพอสมควรสำหรับการต่อสู้ของบักส์บันนี่กับโยเซไมตี้แซมคู่ปรับผู้โหดเหี้ยมในตอนที่ชื่อว่าพรินซ์วามินท์ ซึ่งเหตุการณ์จะเกี่ยวข้องกับแซมที่รับบทเป็นชาว ไวกิ้ง ที่ต้องการจะบุกเข้าไปยังปราสาทใกล้ลำธาร แต่บังเอิญเจอกับเจ้ากระต่ายตัวแสบเสียก่อน จนทำให้เขาจะต้องปะทะฝีมือกับบักส์เสียก่อนและทางเจ้ากระต่ายนี้เองที่จะต้องปกป้องปราสาทนี้เสียเองโดยไม่ตั้งใจ                ช่วงตอนต้นของเรื่องพรินซ์วามินท์นั้น ก็เป็นทางโยเซไมตี้แซมหรือใช้ชื่อในตอนว่าแซมเดอะเทอร์เรอร์ที่กำลังล่องเรือมาบุกปราสาทจนทำให้ผู้คนแถวนั้นเกิดกลัวจนหนีเข้าปราสาทไป ส่วนทางบักส์บันนี่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็เดินเข้าไปหาแซมเพราะเข้าใจว่าเป็นเด็กแล้วแย่งดาบออกจากมือไปแล้วเอาดาบไปตอกจนทู่แล้วพาเขาเดินออกไปจากปราสาท ซึ่งทำให้แซมโมโหมากเลยทีเดียว ไวกิ้ง ก็เลือกที่จะวิ่งพุ่งชนประตูแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย                เมื่อทางแซมเดอะเทอร์เรอร์ได้สั่งให้บักส์บันนี่เปิดประตูนั้น ทาง ไวกิ้ง ก็เลือกที่จะวิ่งพุ่งชนประตูแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่งไปจับช้างมาขี่เพื่อพังประตู แต่ทางบักส์ก็ได้เอาอิฐปูนมาก่อไว้จนช้างก็ได้แต่เจ็บตัวไปแทนและยังพลาดเล่นงานแซมที่เอาแต่บ่นอีกด้วย   หลังจากนั้นทางแซมก็เลือกที่จะให้ช้างปาหินใส่เข้าไปในปราสาท แต่ทางกระต่ายแสนรู้ก็เอาพริกไทยโรยใส่ช้างจนจามหินไปอัดแซมแทน                หลังจากที่บักส์บันนี่ได้หลอกทางแซมเดอะเทอร์เรอร์ด้วยการแกล้งเปิดประตูจนทั้งคนและช้างเจ็บตัวนั้น ทางไวกิ้งก็เลือกที่จะล่องไปตามน้ำแทนแต่ก็ไม่สำเร็จ […]

นับว่าเป็นการ์ตูนตอนที่ดีที่สุดของทอมกับเจอร์รี่ก็ว่าได้ ในตอนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหนู นิบเบิ้ล ตัวน้อยที่เป็นเด็กกำพร้าและได้รับการดูแลจากเจอร์รี่ในชื่อเดอะลิตเติ้ลออร์แฟน ขณะเดียวกันนั้นทางทอมก็ยังหาทางจัดการจนทำให้ทางเจ้าหนูบ้านต้องหาทางปกป้องเด็กน้อยอย่างเต็มที่พร้อมกับเอาคืนเจ้าแมวไปในตัวเช่นกัน โดยการ์ตูนตอนนี้ยังได้รับรางวัลจากอะคาเดมี่อวอร์ดในปี 1948 สาขาการ์ตูนเรื่องสั้นยอดเยี่ยมอีกด้วย                ในจุดเริ่มต้นเรื่องราวของ นิบเบิ้ล ผ่านตอนเดอะลิตเติ้ลออร์แฟนก็คือ ทางเจอร์รี่ได้เจอกับหนูน้อยที่มาเคาะประตูขอเข้าไปในบ้าน พร้อมกับจดหมายจากบ้านเด็กกำพร้าที่ยินยอมจะส่งเด็กคนนี้มาทานอาหารในมื้อขอบคุณพระเจ้ากับเขา ซึ่งทางหนูน้อยเองก็กินเก่งอีกด้วย จนกระทั่งทางเจอร์รี่จะต้องออกไปหาอาหารให้กินด้วยการพาเจ้าหนูไปดื่มนมในจานของทอมจนหมดเลยทีเดียว เจ้าหนู นิบเบิ้ล ตัวน้อยที่เป็นเด็กกำพร้าและได้รับการดูแลจากเจอร์รี่                หลังจากนั้นเองที่ทางนิบเบิ้ลได้มองไปเห็นกับไก่ง่วงจานโตและอาหารอื่นๆ ที่คุณนายเจ้าของบ้านได้เตรียมเอาไว้ จนทางเจ้าหนูได้วิ่งไปกินทั่วทั่วโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นผักหรือเยลลี่ จนทางเจอร์รี่จะต้องคอยดูแลกำกับเอง […]

โมโมโนะสุเกะ เป็นตัวละครหนึ่งที่อยู่ในอนิเมะวันพีซที่ได้รับความโด่งดังไปทั่วโลกซึ่งตอนนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 20 ของอนิเมะเรื่องนี้แล้วและเรื่องราวก็ดำเนินมาจนถึงเกือบ 80% ของเรื่องราวทั้งหมดแล้วในขณะนี้กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางกำลังดำเนินเนื้อเรื่องอยู่ในเกาะวาโนะคุนิซึ่งเป็นดินแดนซามูไรที่มีการปกครองโดยใครโดยและโชกุนโอโรจิที่คอยกดขี่ประชาชนภายในเกาะ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ 20 ปีก่อนช่วงที่โคสึกิโอเด้งโชกุนคนก่อนปกครองประเทศวาโนะคุนิและมีคนนับถือเป็นจำนวนมากแต่แล้วเรื่องราวก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อ 4 จักรพรรดิไคโดและโชกุนโอโรจิเข้ามายึดครองประเทศวาโนะคุนิและทำให้ดินแดนวาโนะคุนิกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมอาวุธหลังจากนั้นประชาชนในประเทศวาโนะก็เริ่มที่จะถูกกดขี่มากขึ้นเรื่อยๆ และโอเด้งโชกุนคนปัจจุบันเมื่อ 20 ปีก่อนก็ได้ถูกสังหารจนเสียชีวิตโดยมี โมโมโนะสุเกะ คันจูโร่และชินเอม่อน ที่ถูกส่งข้ามเวลาด้วยพลังของเจ้าหญิงโทคิโทคิทำให้พวกเขาข้ามเวลามาอีก 20 ปีข้างหน้าและรอการแก้แค้น 4 จักรพรรดิไคโด ส่วนผู้ติดตามที่เหลือต่างพากันหนีเอาชีวิตรอดและไปหลบซ่อนในที่ต่าง ๆ ในอนิเมะวันพีซตอนล่าสุดตอนที่ 950 […]

เป็นที่รู้จักว่าตามธรรมเนียมของประเทศสหรัฐอเมริกาว่า วันที่ 4 กรกฎาคมนั้นถือเป็นวันชาติของพวกเขา ซึ่งในวงการการ์ตูนนั้นก็มักไม่พลาดที่จะนำเรื่องราวมาดัดแปลงลงจอโทรทัศน์ โดยเรื่องป็อปอายก็เช่นเดียวกันในตอนที่ชื่อว่าแพทริโอติก ป็อปอายนั้นจะได้อยู่กับหลานทั้งสองคนที่ต้องการจะฉลอง วันชาติสหรัฐ พอดี แต่ทว่าการพยายามเล่นพลุไฟของพวกเขาทำให้เกิดเรื่องจนได้ในที่สุด                ในตอนต้นของเรื่องราวนั้นก็จะเป็นทางหลานทั้งสองของป็อปอายที่กำลังจะฉลอง วันชาติสหรัฐ ด้วยการจุดพลุไฟ แต่ทว่าคุณลุงของพวกเขาได้มาห้ามเสียก่อน หลังจากที่เขามองว่าเล่นของเด็กๆ อันตรายเกินไปจนทางป็อปอายต้องไปหาเกมอย่างอื่นมาเล่นแทน ส่วนหลานตัวแสบก็มีแผนจึงมาชวนให้กะลาสีเรือคนนี้มาเล่นเบสบอลกับพวกเขา ก่อนที่สองแสบจะโดนบอลทิ้งไปไกลๆ เพื่อไปยิงพลุนั่นเอง หลานทั้งสองของป็อปอายที่กำลังจะฉลอง วันชาติสหรัฐ ด้วยการจุดพลุไฟ                ปัญหาก็คือลูกเบสบอลที่หลานทั้งสองขว้างไปนั้นกลับไปโดนหัววัวกระทิงจนเล่นงานป็อปอายหมดรูปและกลับมาทันเจอหลานๆ […]

หากว่าผู้อ่านอยู่ในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ แล้วเป็นติ่งอนิเมะญี่ปุ่นก็คงจะรู้จักการ์ตูนเรื่อง โบรูโตะ เป็นอย่างดีการ์ตูนที่เล่าเรื่องถึงเด็กหนุ่มคนนึงที่ถูกคนในหมู่บ้านทอดทิ้งเนื่องจากเป็นพลังสถิตของปีศาจที่เคยมาทำร้ายหมู่บ้านนินจาโคโนฮะ นารูโตะเป็นเด็กหนุ่มคนนึงที่มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นโฮคาเงะหรือผู้นำหมู่บ้านนั่นเองแต่ด้วยการที่ไม่มีใครมาชอบเขาทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างมากมายนารูโตะเริ่มเดินบนเส้นทางนินจาของตัวเอง และได้ทำความรู้จักกับผู้คนมากมายจากคนที่ไม่มีเพื่อนกลายเป็นคนที่มีเพื่อนเป็นจำนวนมากแล้วทุกครั้งที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเพื่อนของเขาก็พร้อมที่จะสู้เคียงข้างเขาจนในที่สุดตอนจบของเรื่องนารูโตะ นารูโตะได้แต่งงานกับฮินาตะนินจาสาวที่แอบชอบนารูโตะมาตั้งแต่ตอนเด็กและได้กลายเป็นโฮคาเงะอย่างที่ใจหวังไว้โดยนารูโตะนั้นมีคนเขียนที่ชื่อว่าอาจารย์คิชิโมโตะ มาซาชิ จากเรื่องราวที่เล่ามาข้างต้นใช้เวลาในโลกแห่งความจริงไปเกือบ 20 ปีเลยทีเดียวแล้วเป็นการจบเนื้อเรื่องนารูโตะได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อนารูโตะจบลงทุกคนก็คงคิดถึงนินจาโคโนฮะที่เป็นพลังสถิตร่างเก้าหาง จนภายหลังได้มีการเล่าเรื่องราวหลังจากที่นารูโตะได้เป็นโฮคาเงะผ่านเรื่องราวของลูกของนารูโตะที่มีชื่อว่า โบรูโตะ นั่นเองหมู่บ้านโคโนฮะกลายเป็นหมู่บ้านที่พัฒนาไปจากรุ่นของนารูโตะเป็นอย่างมากทุกๆคนใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้น แถมสะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วยโดยเรื่องราวเหล่านี้นารูโตะจะกลายเป็นตัวเสริมซะส่วนใหญ่ส่วนตัวหลักก็จะกลายเป็นลูกของนารูโตะที่ชื่อว่าโบรูโตะและเพื่อนๆของเขาส่วนเรื่องราวเป็นยังไงกันนั้นก็คล่องไปติดตามดูกันนะครับ โบรูโตะ และเพื่อนๆของเขาส่วนเรื่องราวเป็นยังไง โดยผู้เขียนเนื้อเรื่องของโบรูโตะมีชื่อว่าอาจารย์โคดาชิ ยูเคียว ซึ่งอาจารย์ได้ทำการเขียนเรื่องราวของโบรูโตะมาจนถึงช่วงตอนที่ 50 […]