Search Results for โอลีฟ

ย้อนกลับไปในช่วงยุค 30 นั้น ทางตู้รับชมภาพยนตร์ถือว่าเป็นสื่อบันเทิงที่ได้รับความนิยมตามสวนสนุกอยู่ไม่น้อย ซจนกระทั่งในการ์ตูนเรื่องป็อปอายนั้นก็ได้ถือโอกาสเอาเรื่องราวหล่านี้มาทำ โดยทางพระเอกกับบลูโตจะต้องมาแข่งขันเพื่อแย่งลูกค้าที่จะมาชมภาพยนตร์ของพวกเขาที่เปิดติดกัน ซึ่งหนึ่งในลูกค้าก็คือ วิมปี้ ชายผู้รักในการทานแฮมเบอร์เกอร์ก็ได้มารับชมจนทั้งสองคนจะต้องขับเคี่ยวเอาชนะใจลูกค้าให้ได้                ในจุดเริ่มต้นของเรื่องคัสตอมเมอร์วอนเทดนั้น ทางป็อปอายและบลูโตก็ได้ออกเรียกลูกค้าที่มาสวนสนุกเพื่อที่จะมาใช้บริการตู้รับชมภาพยนตร์ของพวกเขา จนกระทั่งมีลูกค้าเข้ามาจนทั้งสองคนต้องมาแย่งกันและจะชวนให้เขาไปรับชมภาพยนตร์ตัวอย่างก่อน ซึ่งทางลูกค้าเองก็จำเป็นต้องขอเงินจากบลูโตก่อนเพื่อที่จะหยอดตู้และรับชมภาพยนตร์จากตอนเก่าอย่างเลทส์เกทมูฟวินอีกด้วย บลูโตได้หยอดเหรียญตู้รับชมภาพยนตร์ของตัวเองให้ วิมปี้ ดูอีกครั้ง                แม้ว่าลูกค้าจะเข้าไปดูตู้รับชมภาพยนตร์ของบลูโตแล้วก็ตาม แต่ทว่า วิมปี้ กลับไม่ชอบและทางป็อปอายจะดึงตัวเขาไปในร้านแทน ซึ่งทางพระเอกก็จะต้องเอาเหรียญให้เขายืมเพื่อรับชมเช่นกัน โดยเหตุการณ์ในเรื่องก็ยังคงเป็นในตอนเลทส์เกทมูฟวินที่ป็อปอายมาช่วยโอลีฟขายของอีกเช่นกัน แต่ทว่าทางบลูโตกลับมาดึงตัวทั้งสองคนและเล่นงานป็อปอายเพื่อขโมยลูกค้ากลับไปอีกครั้ง […]

คงเป็นการ์ตูนป็อปอายอีกตอนที่ไม่คุ้นตามากนัก เมื่อกะลาสีเรือทั้งสองได้รับเป็นคนยกของให้กับบ้านของโอลีฟแทนในตอนที่ชื่อว่า ฮอลอินวัน เมื่อทางนางเอกต้องการจะย้ายบ้านใหม่ ส่วนทางป็อปอายและบลูโตก็เกิดทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงอีกครั้ง จนทำให้ต้องโชว์ความสามารถเรื่องการขนของเพื่อหาคนที่เก่ง โดยการ์ตูนนี้นั้นเคยถูกทำออกมาเป็นภาพขาวดำมาแล้วในปี 1936 ของฟีสเชอร์สตูดิโอนั่นเอง                ในจุดเริ่มต้นของเหล่าคนยกของกับตอน ฮอลอินวัน นั้น ก็เป็นทางโอลีฟที่กำลังเก็บของเพื่อย้ายบ้านใหม่ด้วยการเก็บผ้า แต่กลับโดนหีบผ้ากระเด็นใส่เนื่องจากผ้าที่เยอะเกินไป ก่อนที่ทั้งป็อปอายและบลูโตจะเดินทางมาถึงบ้านของโอลีฟเพื่อช่วยเธอขนของ เมื่อทั้งสองเข้ามาในบ้านแล้วนั้นก็เกิดตกหลุมรักเจ้าของบ้านทันที จนทางบลูโตต้องการกันท่าป็อปอายด้วยการป่วนจนเกือบทำข้าวของเสียหาย ตอนจบของเรื่อง ฮอลอินวัน ปิดฉากด้วยทางบลูโตที่โดนมัดไว้กับท้ายรถ                เมื่อคนยกของทั้งสองแยกกันไปเก็บของต่างๆ แล้วนั้น ทางบลูโตก็ต้องการโชว์พลังให้เห็นด้วยการแบกโซฟาคนเดียว […]

 ถือว่าเป็นตอนที่แปลกอีกหนึ่งตอนสำหรับการ์ตูนเรื่องป็อปอาย ในตอนที่มีชื่อว่าไพรเวทอายป็อปอาย ซึ่งพระเอกได้รับบทบาทเป็น นักสืบเอกชน ที่ต้องตามไปสืบคดีในบ้านที่มีความลึกลับและเข้าไปพบกันทางโอลีฟ ออยผู้เป็นเจ้าของบ้าน โดยเธอนั้นต้องการให้เข้าปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าของเธอก่อนที่มันจะหายไป แม้ว่าต่อมาเธอจะต้องพยายามไล่ตามจับผู้ร้ายให้ได้ แม้ต้องเดินทางไปทั่วโลกก็ตาม                จุดเริ่มต้นของเรื่องไพรเวทอายนั้น ก็เป็นทางป็อปอายที่รับบทบาทเป็น นักสืบเอกชน ผู้กำลังรับสายที่มีเพียงเสียงกรี๊ดจนทำให้เขาต้องเดินทางไปสืบคดีถึงบ้านผ่านการเดินบนสายโทรศัพท์ เมื่อเขาไปจนถึงบ้านของเจ้าทุกข์แล้วนั้นก็ได้พบกับพ่อบ้านที่เฝ้าประตูอยู่ ก่อนที่เขาจะเข้าไปพบกับโอลีฟ ออยเจ้าของบ้านที่เรียกเขามาเพื่อปกป้องเพชรที่ล้ำค่าในตู้นิรภัย แม้ว่าทางพ่อบ้านจะเป็นคนขโมยไปเสียเอง ป็อปอายที่รับบทบาทเป็น นักสืบเอกชน ผู้กำลังรับสาย                เมื่อความจริงเปิดเผยแล้วนั้น ทางป็อปอายก็พยายามไล่จับเขา โดยทางพ่อบ้านไปหนีออกไปจากบ้านพร้อมขึ้นเครื่องบินหนีไป […]

คงไม่มีใครไม่รู้จัก วันโกหก ตามวัฒนธรรมของชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งทางการ์ตูนอย่างเรื่องป็อปอายก็ไม่พลาดที่จะจำการ์ตูนเรื่องนี้มาสร้างเรื่องราวเช่นกัน โดยเหตุการณ์ในวันนี้จะทำให้พระเอกของเรื่องนั้นต้องเสียเปรียบกับบลูโตอย่างหนัก อีกทั้งทางโอลีฟ ออยแฟนสาวที่ดันเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันจนทำให้ทางป็อปอายจะต้องเอาชนะคู่แข่งไปให้ได้ ซึ่งการใช้ผักโขมอาจไม่พอ                ในตอนที่ชื่อคุกกี้งวิธแกกส์นั้น ก็เริ่มต้นจากการที่ทางโอลีฟเตรียมตัวไปปิคนิคกับทางป็อปอายและบลูโตอีกคนหนึ่ง จนทางพระเอกเอาของขวัญมาฝากแฟนสาว ส่วนทางตัวร้ายนั้นก็เอากล่องซิกก้ามาฝากด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเปิดออกมาเป็นหมัดตรงที่ต่อยให้ป็อปอายจนหน้าหงายและเปิดเผยว่านี่คือวันที่ 1 เมษายนหรือว่า วันโกหก นั่นเอง จนทางพระเอกไม่ถือสาอะไรเพราะเป็นการละเล่นแบบหนึ่งนั่นเอง                ต่อมาระหว่างทางที่พวกเขาไปทำกิจกรรมในวันโกหกนั้น ทางตัวร้ายก็ได้แอบเป่าลูกโป่งใส่จนทางป็อปอายคิดว่ารถยนต์ยางแตกและโดนแกล้งซ้ำจากการพ่นท่อไอเสียใส่หน้าอีกด้วย เมื่อไปถึงที่ปิคนิคกันแล้วนั้น ทางป็อปอายก็โดนแกล้งอีกด้วยการเอาสปริงใส่ขวานจนตีหน้าของเขาให้ทิ่มดินเลยทีเดียว แต่ทว่าทางโอลีฟก็ยังเข้าข้างพอ่หนวดยาวอยู่เช่นเคย […]

แม้ว่าการล้อเลียนการ์ตูนของแต่ละเรื่องมักจะเกิดขึ้นเป็นประจำก็ตาม แต่ทว่าในปี 1939 นั้นทางป็อปอายก็ได้มีตอนที่ชื่อว่า อัลลาดิน กับตะเกียงวิเศษ ซึ่งบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นการเลียนแบบนิยายชื่อดังนั่นเอง โดยมีเรื่องราวที่ใกล้เคียงกันอย่างมากเพราะทางพระเอกต้องไปตามหาตะเกียงวิเศษให้ได้ แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้นและไม่มีตัวโกงขาประจำอย่างบลูโตก็ตาม                จุดเริ่มต้นของตอนนี้นั้นก็เกิดจากโอลีฟ ออยที่กำลังทำงานเป็นนักเขียนนิยายในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง พร้อมกับเขียนเรื่องราวดัดแปลงให้ทางป็อปอายรับบทบาทเป็น อัลลาดิน ส่วนตัวเธอก็รับบทเป็นเจ้าหญิงในเมือง จนมีภาพของพระเอกที่ทำงานเป็นช่างตีเหล็กแลพมีทางขุนนางผู้ชั่วร้ายคนหนึ่งแอบมองเจ้าหญิงและต้องการจะเป็นผู้มีอำนาจและจับโอลีฟมาเป็นภรรยาของตัวเองอีกด้วย                ซึ่งการที่ขุนนางนี้จะครอบครองเมื่อได้นั้นจะต้องไปตามหาตะเกียงวิเศษเสียก่อน จนต้องไปตามหาป็อปอายอัลลาดินเพื่อไปเอาตะเกียงนั้นให้ได้  เมื่อทางพระเอกและขุนนางไปถึงถ้ำแห่งหนึ่งแล้วนั้นก็ได้พบกับทางเดินด้านล่างที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์มากมาย ก่อนจะต้องพังกำแพงด้านในเพื่อไปหยิบเอาตะเกียงวิเศษมา แม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะมอบตะเกียงก่อนจะถูกผักหลังและทิ้งไว้ในถ้ำลำพัง แต่ทว่าตะเกียงกลับตกลงไปกับพระเอกเสียอย่างนั้น อัลลาดิน ส่วนตัวเธอก็รับบทเป็นเจ้าหญิงในเมือง […]

จะว่าเป็นการ์ตูนตอนรวมฮิตก็ว่าได้สำหรับป็อปอายตอนแอสสอลต์แอนด์แฟลตเตอร์รี่ ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับพระเอกที่ถูกฟ้องโดย บลูโต เนื่องจากเขามักจะโดนเล่นงานในชีวิตประจำวันอยู่เสมอจนทนไม่ไหวและเลือกที่จะมาฟ้องต่อศาลที่มีผู้พิพากษาเป็นวิมปี้ที่แฟนๆ รู้จักกันดีนั่นเอง ส่วนในตอนนั้นก็จะมีการแทรกเหตุการณ์ในตอนอื่นๆ เข้ามาเพื่อให้แฟนการ์ตูนยังจำกันได้อีกด้วย                 เรื่องราวเริ่มต้นจากป็อปอายกับ บลูโต ที่อยู่ด้วยกันในศาล ก่อนที่จะมีการเปิดการไต่สวนโดยผู้พิพากษาอย่างวิมปี้ จนทางโจทก์ตัวร้ายได้กล่าวหาว่าทางกะลาสีเพื่อนร่วมอาชีพอีกคนได้ทำร้ายเขาอยู่บ่อยครั้งจนโดนต้องสงสัยในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยเหตุการณ์แรกที่ยกเข้ามาในเรื่องนั้นคือช่วงท้ายของตอนที่มีชื่อว่าเดอะฟาร์มเมอร์แอนด์เดอะเบลในช่วงที่พระเอกพยายามมาช่วยโอลีฟอยู่นั่นเอง                ส่วนเหตุการณ์ต่อมาที่ทางโจทก์ยังพยายามกล่าวป็อปอายก็คือ ตอนที่ชื่อว่าฮาวกรีนอิสสปิแนชที่ทางพระเอกได้จัดการตัวร้ายแสนแสบคนนี้อัดเข้ากับกำแพงก่อนที่นาฬิกาจะตกลงมาใส่หัวให้เป็นภาพจำของแฟนๆ ในเวลาต่อมา จนกระทั่งทางจำเลยนั้นได้มีโอกาสพูดถึงเรื่องของตัวเองก่นอที่จะมีการตัดสินคดี ซึ่งเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ในเรื่องบาล์มมี่ สวาร์มมี่ โดยเป็นตอนที่ตัวร้ายได้สวมบทบาทเป็นนักมายากลที่พยายามขโมยโอลีฟมา  เรื่องราวเริ่มต้นจากป็อปอายกับ บลูโต ที่อยู่ด้วยกันในศาล […]

ในช่วงที่การเลือกตั้งยังมีสีสันของโลกอยู่นั้น ย้อนไปในปี 1956 ก็มีการ์ตูนเรื่อง ป็อปอาย ที่พูดถึงเหตุการณ์เลือกตั้งอยู่เช่นกัน โดยทางตัวเอกของเรื่องนั้นจะลงหาเสียงแข่งกับคู่ปรับตลอดกาลอย่างบลูโต ซึ่งตลอดกาลห่ำหั่นนั้นกลับไม่สามารถหาผลตัดสินได้จนเรื่องราวจะต้องไปผัวพันกับโอลีฟ ออยที่อยู่ไกลออกไปแทน รวมถึงผู้แทนทั้งสองจะต้องแข่งขันกันเพื่อคว้าเสียงสุดท้ายของเมืองให้ได้ สำหรับตอนที่ชื่อว่า ป็อปอาย ฟอร์เพรสิเดนท์หรือการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น เริ่มต้นจากการหาเสียงของทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางพระเอกสัญญาว่าจะแจกไอศกรีมแก่ทุกคน ส่วนทางบลูโตนั้นได้แย่งผู้คนไปหมดจากการที่เขาเลือกแจกซิการ์หรือบุหรี่แทนนั่นเอง จนกระทั่งการลงคะแนนมาถึงและปรากฏว่าทั้งสองมีคะแนนเสมอกัน โดยมีเพียงนางสาวโอลีฟ ออยที่ยังไม่ได้เข้าลงคะแนนตัดสิน เมื่อไปถึงบ้านของนางเอกแล้วนั้น ทุกคนจึงได้พบว่าเธอมีงานในฟาร์มของเจ้าตัวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าฟืนที่สุดท้ายจะเป็นป็อปอายที่จัดการได้อย่างรวดเร็วแทน ก่อนที่ต่อมาทางสาวคนนี้จะยังต้องไถ่ดินต่อ ซึ่งทางพระเอกได้จำรั้วไม้มาช่วยจนเสร็จงานได้อย่างรวดเร็วเหนือบลูโตไปอีกครั้ง จนกระทั่งสุดท้ายทางนางสาวออยส์จะลืมไปว่าต้องเอาฟางไปเก็บและเป็นทางอดีตกะลาสีเรือคนนี้ที่ช่วยได้อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง […]

แม้ว่าเราจะคุ้นชินเสมอว่า ป็อป อาย มักจะเอาชนะผู้ร้ายอย่างบลูโตหรือปัญหาอื่นๆ ไปได้ด้วยการกินผักโขมแล้วใช้พลังที่เพิ่มขึ้นเพื่อจัดการสิ่งต่างๆ อยู่เสมอในตอนท้าย แต่ทว่ามีอยู่ตอนหนึ่งที่พระเอกของเรากลับต้องพ่ายแพ้แบบหมดรูปจนสุดท้ายต้องมารับการช่วยเหลือจากตัวละครนั้นแทน ซึ่งถือว่าเป็นเพียงไม่กี่ตอนที่โอลีฟ ออยส์แฟนสาวและบลูโตเพื่อนตัวร้ายของเขามาปรากฎตัวบนจออีกด้วย                เรื่องว่านี้ก็มีชื่อว่า กอเฟอร์สปิแนชที่เป็นทาง ป็อป อาย ได้ตัดสินใจจะปลูกผักโขมของตัวเองไว้ในสวน โดยเจ้าตัวได้ดูแลเจ้าผักสีเขียยวของเขาอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการจับอาบน้ำทำความสะอาดตัว รวมถึงใส่ปุ๋ยเร่งโตให้กับผักเหล่านั้น จนกระทั่งนำไปปลูกในแปลง แต่ทว่าผักถูกดึงหายลงดินไปเรื่อยๆ แล้วจะเป็นทางพระเอกที่จับได้ว่ามีตัวกระรอกน้อยพันธุ์โกเฟอร์ที่แอบมาทำรังและไม่ยอมให้กะลาสีคนนี้ปลูกผักได้นั่นเอง                ทันทีที่ป็อป อายรู้ว่าเจ้ากระรอกนี้มาป่วนเขานั้น เจ้าตัวก็พยายามจัดการไม่ว่าจะเป็นการฉีดน้ำใส่รูในแปลงจนทำให้ผักของตัวเองเสียหายเสียเอง ก่อนที่เขาจะพยายามใช้เครื่องตัดหญ้าไล่ไถใส่เจ้าตัวเล็กนี้ […]

หากพูดถึงคู่รักตลอดกาลของการ์ตูนอเมริกัน หลายคนต้องนึกถึงคู่ของ ป็อปอาย กับโอลีฟ ออยส์อย่างแน่นอน แต่ทว่าในการ์ตูนยุคคลาสิคนั้น การแต่งงานกลับเป็นเรื่องน่ากลัวเสียจนคู่พระเอกนางเอกนี้ต้องจบตอนด้วยวิวาห์ล่มไปอย่างน่าเสียดาย รวมถึงครั้งหนึ่งที่บลูโตพยายามแย่งแม่สาวคนสวยของเรื่องมาเป็นภรรยา แต่สุดท้ายจะเป็นทางตัวร้ายที่ขอถอนตัวและวิ่งหนีไปแบบไม่สนใจโอลีฟเลยทีเดียว                สำหรับการขอถอนตัวของโอลีฟ ออยส์ในเรื่อง ป็อปอาย นั้นเกิดขึ้นในตอนไบร์ดแอนด์กรูมที่ทั้งสองตอบตกลงพร้อมเตรียมเข้าพิธีแต่งงานในวันต่อมา แต่ทว่าทางนางเอกกลับเกิดฝันขึ้นมาว่าทั้งสองคนจะมีลูกด้วยกัน ทว่าลูกชายนั้นกลับดื้อและมีพละกำลังมากเหมือนพ่อของเขา จนทำให้โอลีฟต้องถูกเล่นงานเสียเอง จนกระทั่งตอนตื่นขึ้นมาจะขอยกเลิกงานแต่งพร้อมกับโยนตู้ใส่ว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งรออยู่หน้าประตู                ส่วนป็อปอายอีกตอนหนึ่งที่มีเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานก็คือตอนเนียร์ลี่เวดส์ ที่เป็นทางโอลีฟยอมตกลงเป็นภรรยาของกาลาสีเรือคนนี้ แต่ทว่าบลูโตกลับคิดแผนเพื่อที่จะทำให้คู่แข่งของเขาไปสาย ไม่ว่าจะเป็นใส่ปูนลงน้ำในอ่างอาบน้ำหรือจะเป็นการพังชุดเจ้าบ่าว ก่อนที่บลูโตจะสวมรอยขอแต่งกับโอลีฟเสียเอง ทว่าจากคำพูดของบาทหลวงที่บอกกับเขาว่าทางกะลาสีนักกล้ามจะต้องดูแลและมีภาระมากมาย […]

เมื่อคนพูดถึงการ์ตูนในวัยเด็กที่ดูง่ายและส่งเสริมเรื่องอาหารแล้ว แฟนการ์ตูนคงต้องคิดถึงการ์ตูนอย่าง ป๊อปอาย กะลาสีเรือนั่นเอง โดนจุดเด่นของเรื่องคงหนีไม่พ้นพระเอกที่มักจะต้องคอยปกป้องนางเอกอย่างโอลีฟเสมอ เนื่องจากคู่แข่งหัวใจอย่างบลูโตมักจะมาตามตื้อและวางแผนทำร้าย ป๊อปอาย ในแต่ละตอนเพื่อชิงโอลีฟกลับมา จนสุดท้ายเขามักจะกินผักโขมเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองจนสุดท้ายจะเอาชนะบลูโตกลับไป แต่ทว่าสำหรับนักวิจัยแล้วสารอาหารในผักโขมอาจไม่ได้มีอยู่มากดังในการ์ตูน สำหรับการ์ตูนเรื่องป๊อปอายถือว่าอยู่คู่กับเด็กมาตั้งแต่ปี 1919 ผ่านหนังสือพิมพ์ ก่อนที่จะถูกดัดแปลงและฉายผ่านแผ่นฟิล์มในปี 1933 จนกลายมาเป็นการ์ตูนยอดฮิตของเด็กในทุกยุคสมัย จากความนิยมของป๊อปอายนี่เองทำให้กระแสของการกินผักโขมจึงพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากเด็กทุกคนต่างหวังว่าการกินผักสีเขียวชนิดนี้จะช่วยเพิ่มพละกำลังในการใช้ชีวิตโดยทั้งผู้ปกครองก็เห็นดีเห็นงามด้วยนั่นเอง แม้ว่าความนิยมของการกินผักโขมในเด็กจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อพวกเขาได้ชมป๊อปอายก็ตาม แต่สำหรับนักวิจัยไม่ได้คิดว่านี่คือเรื่องดีมากขนาดนั้น เพราะจากการตรวจสอบสารอาหารโดยเฉพาะธาตุเหล็กที่ผู้คนมักอ้างถึงในผักโขม ได้ผลออกมาว่าเจ้าผักชนิดนี้มีแค่ 3.5 มิลลิกรัมต่อผักโขม 100 กรัม […]