อื่นๆ

ถือว่าเป็นเรื่องราวที่ใจร้ายมากๆ สำหรับตัวละคร บักส์บันนี่ ที่ครั้งนี้บังเอิญไปเจอกับคนติดเกาะทั้งสองคนจากตอนที่ชื่อว่าวาคกิกิ แวบบิทในปี 1943 แต่ทว่าหลังจากที่ชายติดเกาะผู้หิวโซเริ่มไม่เป็นมิตรกับเจ้ากระต่ายตัวนี้และพยายามไล่จับจนกระทั่งเจอเรื่องราวมากมายบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งตอนสุดท้ายจะมีเรื่องราวหักมุมที่หากว่ากันตามชีวิตจริงก็คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเลยทีเดียว                จุดเริ่มต้นของวาคกิกิ แวบบิทก็เกิดจากชายสองคนที่ติดอยู่บนมหาสมุทรผู้หิวโหย จนกระทั่งไปพบเกาะแห่งหนึ่งใกล้ๆ จนกระทั่งพวกเขาหนีเอาตัวรอดไปเจอกับ บักส์บันนี่กระต่ายตัวเอกของเรื่อง แม้ว่าเขาจะเริ่มทักทายคนติดเกาะทั้งสองก่อนก็ตาม แต่สุดท้ายกลับจะโดนทั้งคู่จับกิน จนกระทั่งเขาต้องแอบปลอมตัวเป็นชนเผ่าท้องถิ่นและเอาตัวรอดไปได้อีกครั้ง ส่วนชายตัวอ้วนที่เป็นลูกน้องจะโดนตบสั่งสอนที่ดันไปหลงเชื่ออีกด้วย                ด้วยความพยายามของบักส์บันนี่ที่หนีเอาตัวรอดจากชายทั้งสองด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเอาไก่ผูกเชือกมาแสร้งว่าเป็นอาหารของพวกเขาหรือจะเป็นการหนีออกจากหม้อต้มซุปได้ทันเวลาก่อนจะโดนกิน จนทางคนติดเกาะจะหมดหนทางและได้พบกับเรือสำราญที่บังเอิญเข้ามาจอดที่เกาะแห่งนี้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเจ้ากระต่ายตัวแสบจะแกล้งฉลองกับทั้งสองพร้อมสลับตัวให้เขาขึ้นเรือไปแทนและทิ้งชายทั้งสองไว้บนเกาะอย่างเดิม บักส์บันนี่ กระต่ายตัวเอกของเรื่อง […]

ใครก็ตามที่เคยชมการ์ตูน โดราเอม่อน ก็คงจะเคยอยากลองใช้ของวิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไฟฉายย่อส่วนหรือประตูไปที่ไหนก็ได้ ทว่ามีอยู่หนึ่งตอนที่โนบิตะใกล้จะต้องสอบแต่กลับยังไม่อ่านหนังสือเลย อีกทั้งยังจำเนื้อหาบทเรียนไม่ได้อีกด้วย จนทางหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคตต้องหาทางช่วยเหลือเพื่อนของเขาอีกครั้ง โดยของวิเศษประจำตอนนี้ก็คือขนมปังช่วยจำเพื่อให้ใช้เตรียมพร้อมสำหรับการสอบนั่นเอง                เรื่องราวของ โดราเอม่อน ตอนนี้ก็เกิดจากโนบิตะที่กำลังกังวลเรื่องข้อสอบที่อาจได้ 0 คะแนน จนกระทั่งตอนแรกที่เพื่อนรักจะเอาพัดลมวิเศษให้เป่าโรงเรียนทิ้งไปเลย แต่ทว่าโนบิตะไม่ยอมทำเรื่องที่โหดร้ายขนาดนั้น จนสุดท้ายโดราเอม่อนจะใจอ่อนแล้วเอาขนมปังช่วยจำให้โนบิตะแทน ซึ่งเจ้าตัวต้องกินทั้งวิชาวิทยาศาสตร์และภาษาญี่ปุ่น แต่ทว่าเขากลับไม่ได้จดเนื้อหาไว้และต้องไปยืมเพื่อนคนอื่นๆ                ด้วยเป็นโนบิตะนี่เอง ทำให้เขามักจะชอบอวดเก่งกับชิสุกะเพื่อนสาวที่เขาแอบชอบมาตลอด จนกระทั่งเอาขนมปังช่วยจำไปใช้กับสมุดโทรศัพท์แทน อีกทั้งขนมที่แม่ชิสุกะเอามาให้จนกินขนมปังไม่ลง รวมทั้งสเต็กที่แม่โนบิตะทำให้ชิ้นใหญ่พิเศษ […]

สำหรับคนที่ชื่นชอบการ์ตูนของลูนีย์ทูนส์แล้ว คงจะต้องรู้จัก เอลเมอร์ ฟัดด์นายพรายนหัวล้านที่มักจะออกมาล่าสัตว์เป็นประจำ ไม่ว่าเหยื่อของเขาจะเป็นกระต่ายอย่างบักส์บันนี่หรือเจ้าเป็ดตัวแสบที่ชื่อว่าดัฟฟี่ ดัก แต่ทว่าในช่วงหนึ่งนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนตัวละครของนายพรานคนนี้จนเกือบจะลืมหน้าตาเดิมของเจ้าตัวไปเลย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้เองที่ถูกแฟนๆ วิจารณ์ก่อนจะกลับไปเป็นนายพรายคนเดิมนั่นเอง                การปรากฏตัวครั้งแรกของเอลเมอร์ก็คือในปี 1940 จากเรื่อง เอลเมอร์ แคนดิดคาเมร่าที่เกี่ยวข้องกับการออกไปถ่ายรูปของเจ้าตัวแต่โดนกระต่ายป่ามารบกวนจนเสียท่าไป ซึ่งกระต่ายตัวนี้จะถูกดัดแปลงในภายหลังจนกลายเป็นบักส์บันนี่นั่นเอง ก่อนที่ตัวละครทั้งสองจะวงมาเจอกันอีกครั้งในเรื่องไวด์แฮร์ที่เป็นการเปิดตัวเรื่องราวการทะเลาะกันของทั้งสองอย่างเป็นทางการอีกด้วย                จนกระทั่งในปี 1941 ที่ทางวอร์เนอร์ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวละครเอลเมอร์ครั้งใหญ่ โดยจากเดิมที่เจ้าตัวมีรูปร่างปกติและหัวโตให้กลายเป็นคนอ้วนและหัวเล็กแทน อีกทั้งเปลี่ยนบทบาทจากนายพรานมาเป็นคนธรรมดามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักขุดทองในเรื่องแวคกี้แวบบิทหรือจะเป็นนักท่องเที่ยวในแวบบิททรอบเบิล แต่ทว่าเจ้าตัวเริ่มกลายเป็นเหยื่อของบักส์บันนี่ที่มาแกล้งมากกว่าจะเป็นนายพรานที่จะล่าเจ้าตัวอย่างที่เคยเป็น […]

แม้ว่าเราจะคุ้นชินเสมอว่า ป็อป อาย มักจะเอาชนะผู้ร้ายอย่างบลูโตหรือปัญหาอื่นๆ ไปได้ด้วยการกินผักโขมแล้วใช้พลังที่เพิ่มขึ้นเพื่อจัดการสิ่งต่างๆ อยู่เสมอในตอนท้าย แต่ทว่ามีอยู่ตอนหนึ่งที่พระเอกของเรากลับต้องพ่ายแพ้แบบหมดรูปจนสุดท้ายต้องมารับการช่วยเหลือจากตัวละครนั้นแทน ซึ่งถือว่าเป็นเพียงไม่กี่ตอนที่โอลีฟ ออยส์แฟนสาวและบลูโตเพื่อนตัวร้ายของเขามาปรากฎตัวบนจออีกด้วย                เรื่องว่านี้ก็มีชื่อว่า กอเฟอร์สปิแนชที่เป็นทาง ป็อป อาย ได้ตัดสินใจจะปลูกผักโขมของตัวเองไว้ในสวน โดยเจ้าตัวได้ดูแลเจ้าผักสีเขียยวของเขาอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการจับอาบน้ำทำความสะอาดตัว รวมถึงใส่ปุ๋ยเร่งโตให้กับผักเหล่านั้น จนกระทั่งนำไปปลูกในแปลง แต่ทว่าผักถูกดึงหายลงดินไปเรื่อยๆ แล้วจะเป็นทางพระเอกที่จับได้ว่ามีตัวกระรอกน้อยพันธุ์โกเฟอร์ที่แอบมาทำรังและไม่ยอมให้กะลาสีคนนี้ปลูกผักได้นั่นเอง                ทันทีที่ป็อป อายรู้ว่าเจ้ากระรอกนี้มาป่วนเขานั้น เจ้าตัวก็พยายามจัดการไม่ว่าจะเป็นการฉีดน้ำใส่รูในแปลงจนทำให้ผักของตัวเองเสียหายเสียเอง ก่อนที่เขาจะพยายามใช้เครื่องตัดหญ้าไล่ไถใส่เจ้าตัวเล็กนี้ […]

สำหรับคนที่ชอบ ทอมกับเจอร์รี่ นั้นคงจะต้องคุ้นชินกับภาพที่เจ้าหนูเจอร์รี่สามารถเอาชนะเจ้าแมวทอมไปได้เกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเล่ห์หรือกลที่ทั้งสองมีก็ตาม แต่ทว่าสำหรับการ์ตูนวัยเด็กตอนที่ชื่อลิตเติ้ลสกูลเมาส์นั้นกลับเป็นตอนที่เจ้าหนูคนเก่งต้องพ่ายแพ้หมดรูปให้แก่หนูรุ่นน้องอย่างทัฟฟี่ ที่สามารถจัดการแมวสีฟ้าได้ดีกว่าพร้อมผูกมิตรกับทอมจนทำให้เจอร์รี่ได้แต่ผิดหวังแล้วต้องมาเรียนรู้ใหม่เสียเอง ใน ทอมกับเจอร์รี่ ตอนที่ว่านั้น เป็นทางเจ้าหนูตัวแสบที่รับบทเป็นอาจารย์สอนให้ทัฟฟี่หนูบ้านรุ่นน้องเกี่ยวกับวิชาการจัดการแมวอย่างทอม ไม่ว่าจะเป็นการหนีเอาตัวรอดจากการโดนไล่จับและการดึงหนวดแมวมาเป็นของที่ระลึก อีกทั้งการขโมยชีสโดยไม่ให้เจ้าทอมรับรู้ แต่สุดท้ายจะเป็นการทัฟฟี่ที่ทำได้ดีกว่าเสียจนเป็นทางเจอร์รี่ที่เอาตัวไม่รอดและต้องเจ็บตัวในตอนท้ายเสียเอง ส่วนบททดสอบช่วงหลังของทอมกับเจอร์รี่ในตอนนี้นั้นก็เป็นการขโมยชีสที่ว่านั่น ซึ่งทางเจอร์รี่ต้องปีนป่ายผ้าม่านและด้านไม้กวาดจนกระทั่งไปคว้าชีสชิ้นเล็กกลับบ้านมาได้สำเร็จ ก่อนจะบอกให้ทัฟฟี่ไปเอามาบ้าง โดยทางเจ้าหนูตัวน้อยได้เดินไปบอกให้ทอมช่วยและยกชีสมาให้ทั้งชิ้นเลยทีเดียว ส่วนบทสุดท้ายของการ์ตูนวัยเด็กเรื่องนี้ก็คือการผูกกระดิ่งไว้กับแมว ซึ่งเจอร์รี่ทำไม่สำเร็จและโดนอัดอีกครั้ง ส่วนทางทัฟฟี่กลับห่อกระดิ่งใส่กล่องของขวัญและให้ทอมไปคล้องได้อย่างง่ายดาย ทอมกับเจอร์รี่ ในตอนนี้นั้นก็เป็นการขโมยชีส ความสนุกในทอมกับเจอร์รี่ตอนนี้ก็คือการพ่ายแพ้ของเจอร์รี่และความน่ารักของทัฟฟี่ ซึ่งสามารถเอาชนะใจคนดูได้ไม่ยากเลยจากความคิดที่ต้องการเป็นเพื่อนกับแมวมากกว่า ส่วนทางเจอร์รี่ก็ต้องไปเรียนรู้การจับแมวใหม่โดยทางทอมกับทัฟฟี่กลายเป็นเพื่อนรักกันไปแล้วนั่นเอง […]

หากพูดถึงคู่รักตลอดกาลของการ์ตูนอเมริกัน หลายคนต้องนึกถึงคู่ของ ป็อปอาย กับโอลีฟ ออยส์อย่างแน่นอน แต่ทว่าในการ์ตูนยุคคลาสิคนั้น การแต่งงานกลับเป็นเรื่องน่ากลัวเสียจนคู่พระเอกนางเอกนี้ต้องจบตอนด้วยวิวาห์ล่มไปอย่างน่าเสียดาย รวมถึงครั้งหนึ่งที่บลูโตพยายามแย่งแม่สาวคนสวยของเรื่องมาเป็นภรรยา แต่สุดท้ายจะเป็นทางตัวร้ายที่ขอถอนตัวและวิ่งหนีไปแบบไม่สนใจโอลีฟเลยทีเดียว                สำหรับการขอถอนตัวของโอลีฟ ออยส์ในเรื่อง ป็อปอาย นั้นเกิดขึ้นในตอนไบร์ดแอนด์กรูมที่ทั้งสองตอบตกลงพร้อมเตรียมเข้าพิธีแต่งงานในวันต่อมา แต่ทว่าทางนางเอกกลับเกิดฝันขึ้นมาว่าทั้งสองคนจะมีลูกด้วยกัน ทว่าลูกชายนั้นกลับดื้อและมีพละกำลังมากเหมือนพ่อของเขา จนทำให้โอลีฟต้องถูกเล่นงานเสียเอง จนกระทั่งตอนตื่นขึ้นมาจะขอยกเลิกงานแต่งพร้อมกับโยนตู้ใส่ว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งรออยู่หน้าประตู                ส่วนป็อปอายอีกตอนหนึ่งที่มีเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานก็คือตอนเนียร์ลี่เวดส์ ที่เป็นทางโอลีฟยอมตกลงเป็นภรรยาของกาลาสีเรือคนนี้ แต่ทว่าบลูโตกลับคิดแผนเพื่อที่จะทำให้คู่แข่งของเขาไปสาย ไม่ว่าจะเป็นใส่ปูนลงน้ำในอ่างอาบน้ำหรือจะเป็นการพังชุดเจ้าบ่าว ก่อนที่บลูโตจะสวมรอยขอแต่งกับโอลีฟเสียเอง ทว่าจากคำพูดของบาทหลวงที่บอกกับเขาว่าทางกะลาสีนักกล้ามจะต้องดูแลและมีภาระมากมาย […]

อย่างที่คนที่ชอบดูการ์ตูนรู้กันว่า บักส์บันนี่ มักจะเป็นกระต่ายตัวแสบที่ต้องต่อกรกับตัวร้ายมากมายที่ต้องการจะมาเล่นงานเขา ไม่ว่าจะเป็นเอลเมอร์ ฟัจด์หรือทางโจรสลัดหนวดแดงอย่างโยเซไมท์ แซม แต่ทว่าในเรื่องกระต่ายที่หายไปนั้นเป็นทีของนักมายากลที่ชื่อว่าอะลา บาม่าที่บังเอิญมาติดป้ายโฆษณาของงานแสดงตัวเอง จนกระทั่งไปปิดรูบนต้นไม้ของกระต่ายตัวแสบนี้และเกิดเป็นเรื่องวุ่นวายขึ้นมา                ทันทีที่ บักส์บันนี่ ถูกนักมายากลเล่นงานด้วยการเอาพายแบลคเบอร์รี่ฟาดหน้าขณะที่อยู่ในบ้านของตัวเองจนเจ้ากระต่ายขอประกาศสงครามกับบลาม่า ก่อนจะแอบไปงานแสดงมายากลของเขาและเริ่มทำการเอาคืนด้วยการไปซ่อนตัวในหมวกเพื่อหลอกให้บาม่าหยิบตัวแครอทขึ้นมาแทนกระต่าย รวมทั้งโชว์ดึงตัวเองขึ้นมาจากหมวกจนทางตัวร้ายจนไม่ไหวเอาไม้มาตอกปิดหมวกเอาซะเลย                จากนั้นไม่นานทางบักส์บันนี่ก็เปลี่ยนแผนไปปลอมตัวเป็นเด็กเพื่อหลอกให้อะลาห์ บาม่านำไปร่วมแสดงในมายากลแทงดาบในไห ก่อนที่จะปล่อยให้นักมายากลคนนี้แทงไหเปล่าๆ เพราะเจ้ากระต่ายแอบหนีออกก่อนแล้วจนทำให้บาม่าดูโง่เง่าบนเวที จนสุดท้ายจะเป็นตัวร้ายที่ทนไม่ไหวหาปืนมายิงใส่กระต่ายตัวนี้ แต่เขากลับโดนเอาซิก้าไส้ระเบิดมายัดปากแล้วจุดเอาคืนพร้อมฟาดพายแบล็คเบอร์รี่ใส่เป็นการแก้แค้นอย่างสาสม                แม้ว่าการ์ตูนส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับเด็กก็ตาม แต่สำหรับบักส์บันนี่ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องสำหรับครอบครัวมากนัก […]

แม้ว่าการ์ตูนอนิเมะเรื่อง ชินจังจอมแก่น จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่มีตอนจบอย่างแน่นอน แต่ทว่าสำหรับการ์ตูนที่มักจะไปโลกอนาคตอยู่เสมอนั้นกลับไม่เคยเห็นชินจังในตอนโตแบบเต็มๆ สักครั้งเลยทีเดียว แม้ว่าในหลายๆ ตอนผู้ชมจะเห็นฮิมาวาริน้องสาวตอนที่โตขึ้น หรือจะเป็นพ่อแม่ครอบครัวโนฮาระในวัยเกษียณ รวมถึงเพื่อนๆ ในกลุ่มหน่วยพิทักษ์คาซึคาเบะที่เคยโผล่มาให้เห็นบ้างในตอนพิเศษก็ตาม                สำหรับ ชินจังจอมแก่น เดอะมูฟวี่ที่ว่านี้ก็คือตอนที่ชื่อว่าข้ามเวลามาป่วนโลกที่หน่วยพิทักษ์คาซึคาเบะต้องข้ามเวลาไปช่วยเหลือทามิโกะที่สาวสวยคนนี้ได้บอกว่าเธอจะกลายเป็นเจ้าสาวของชินจังในโลกอนาคต ซึ่งในเรื่องทำให้ผู้ชมได้เห็นเพื่อนคนอื่นๆ ทั้งคาซามาคุง เนเน่จัง มาซาโอะคุงและโบจังในเวอร์ชั่นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่ทว่าตัวละครชินจังนั้นกลับได้เห็นจากด้านหลังและใต้หน้ากากเท่านั้น ชินจังจอมแก่น เดอะมูฟวี่ที่ว่านี้ก็คือตอนที่ชื่อว่าข้ามเวลามาป่วนโลก                หลังจากที่ชิงจังจอมแก่นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ครั้งที่ 18 ฉายไปได้ไม่นาน […]

เมื่อย้อนกลับไปในวัยเด็ก เราทุกคนต้องต่างเคยได้รับชมการ์ตูนอนิเมะกันทุกคน โดยเฉพาะการ์ตูนญี่ปุ่นที่ครองอำนาจได้ย่านนี้ไปได้ทั้งหมด ผนวกกับนินจาที่เป็นนักรบชื่อดังประจำชาติของญี่ปุ่นจนถูกนำมาสร้างเป็นการ์ตูน ชื่อเรื่อง นินจาฮาโตริ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับการซื้อลิขสิทธิ์เพื่อเข้าฉายในประเทศไทย ผลตอบรับในยุคนั้นเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะมียอดคนดูเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตัวการ์ตูน นินจาฮาโตริ ยังเคยถูกสร้างให้เล่นโฆษณาในไทยด้วย                โดยรูปแบบของการ์ตูน เป็นการ์ตูนที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เป็นการดำเนินเรื่องของนินจาคู่พี่น้องที่หลงยุคมาจากในอดีตและต้องเผชิญกับการเปลี่ยนไปของโลกนินจาฮาโตริจึงต้องหาที่พึ่งพิงจนได้มาเจอกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่ช่วยเหลือเขา เขาจึงสาบานว่าจะดูเด็กน้อยคนนั้นตลอดไป การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้จึงแสดงให้เหตุกลยุทธ์ที่นินจาฮาโตรินำมาใช้ในการช่วยเหลือเด็กน้อยและครอบครัวของเขา ด้วยความน่ารักของนินจาฮาโตริที่มีวิธีการทำภารกิจต่าง ๆ แบบนินจาที่ฮาสุด ๆ ทำให้การ์ตูนนินจาเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก […]

            ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลต้นตำรับที่เรียกกันว่า เท็ดดี้ แบร์ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในทวีปอเมริกา เกี่ยวข้องโดยตรงกับประธานาธิบดีคนที่ 26 ของสหรัฐฯ ชื่อ ธีโอดอร์  รูสเวลท ซึ่งอยู่ในตำแหน่งช่วงปี ค.ศ. 1901-1909 โดยเริ่มจากการที่รูสเวลทเดินทางไปล่าสัตว์ในมิสซิสซิปปี้ตามคำเชื้อเชิญของผู้ว่าการรัฐ ชื่อ แอนดรูว์ เอช.ลอนจิโน  เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1902                สามวันแรกผ่านไปโดยที่รูสเวลทยังล่าอะไรไม่ได้เลย วันต่อมาเมื่อคณะของเขาพบหมีดำแก่ๆ ตัวหนึ่ง จึงพยายามใช้สุนัขล่าสัตว์ช่วยไล่ต้อนจนเจ้าหมีตัวนั้นเหนื่อยอ่อน หมดแรง ถูกสุนัขขย้ำ […]